23 สิงหาคม 2560

บทสรุป AFF U-16 Championship 2015

ผ่านมาแล้วกว่าสองปีนับจากวันที่ผมร่วมเดินทางไปกับทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี ในการแข่งขันฟุตบอลเยาวชนชิงแชมป์อาเซียน ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา
นอกเหนือจากความภาคภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จในการคว้าแชมป์อาเซียนและสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ ชนิดที่ไม่รู้ว่าตัวผมเองจะมีโอกาสแบบนี้อีกหรือเปล่าแล้ว ยังมีอีกสองสามเรื่องที่ผมอยากจะพูดถึงเป็นการส่งท้าย ซึ่งอาจจะถือว่าเป็นส่วนที่เปลี่ยนไปของชีวิตผมก็ว่าได้

🔸 ผมกลายเป็นคนถือเคล็ด
อาจเพราะบทบาทหน้าที่ของผมในครั้งนั้นคือเลขานุการทีมชาติไทยซึ่งคอยดูแลประสานงานอำนวยความสะดวกให้กับทีม พูดให้ง่ายเข้าคือเรื่องนอกสนามผมเป็นคนจัดการ (ผจก.ทีม และ ผช.ผจก.ทีมติดงานด่วนต้องเดินทางกลับเมืองไทย จึงมอบหมายงานทั้งหมดให้ผมดูแลไปก่อน) ส่วนในสนามและการแข่งขันเป็นเรื่องของสตาฟโค้ช ทำให้ผมทำได้แค่เพียงเอาใจช่วย ให้กำลังใจทีม พอลุ้นหนักเข้าก็กลายเป็นคิดไปเองว่าการปฏิบัติตัวของเราอาจจะช่วยทีมได้ ประมาณว่าถือเคล็ดนิดหน่อย เช่น ใส่เสื้อตัวเดิมในวันแข่งขันทุกนัด นั่งชมเกมที่ซุ้มม้านั่งสำรองไม่นั่งบนอัฒจรรย์ ไม่กินดื่มสังสรรค์ในคืนก่อนแข่ง ซึ่งเมื่อทำทั้งหมดนี้แล้วบังเอิญทีมชนะมาตลอด มันอาจจะเป็นการคิดไปเอง แต่จนถึงทุกวันนี้เพื่อความมั่นใจบางเรื่องผมยังถือเคล็ดอยู่บ้าง

🔸 ผมเชื่อในโชคชะตา โอกาสและศักยภาพของตัวเองมากขึ้น
โชคชะตาชักนำให้ผมได้พบปะกับคนหลายคนที่ให้โอกาสทำในสิ่งที่ผมไม่เคยได้ทำ ได้มาเรียนรู้สิ่งใหม่ ได้ทำงานที่น่าภาคภูมิใจ และถึงที่สุดทำให้ผมมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเองว่าเมื่อโอกาสมาถึง ผมก็ทำได้และทำได้ดีเสียด้วย

ขอพูดถึงต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดนี้เกิดมาจากเพื่อนสมัยมัธยมของผมคนหนึ่งชื่อว่า อ๋อ ตั้งแต่เรียนจบ ม.ปลาย ผมไม่เคยเจอกับอ๋อเลย มาเจอกันอีกทีก็ผ่านไปกว่ายี่สิบปี อ๋อชวนผมให้มาช่วยทำทีมอุบลยูเอ็มทียูไนเต็ด สักพักอ๋อก็ส่งผมมาทำงานทีมชาติ ผมทำงานร่วมกับอ๋อปรึกษาหารือทั้งเรื่องส่วนตัวเรื่องงาน ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับการทำทีมฟุตบอลกันอยู่เป็นเวลาเกือบปี และเมื่อเวลานั้นมาถึงเราสองคนก็แยกย้ายกันไปอีกครั้งเหมือนกับก่อนที่เราจะพบกัน นี่คือโชคชะตา

สิ่งที่อ๋อทิ้งไว้คือแรงผลักดันส่วนหนึ่งให้ผมลาออกจากงานที่ทำมา 13 ปี ไปอยู่ที่ใหม่ งานใหม่ และทำให้ผมคิดมองหาโอกาสใหม่และพร้อมที่จะคว้าโอกาสอยู่เสมอ ซึ่งต้องขอยกความดีส่วนนี้ให้เพื่อน

การที่ผมได้ร่วมงานกับโค้ชฟุตบอลที่มีความสามารถ โค้ชพยงค์ โค้ชธร โค้ชบลู โค้ชคง โค้ชเคย์ และเจ้าหน้าที่ทีม พี่เก๋ พี่นุ ต๊ะ กาย ขวัญ นก ซึ่งตอนนี้ก็ยังอยู่ในแวดวงฟุตบอลไทยทั้งในระดับฟุตบอลเยาวชนและไทยลีก ถือเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจ รวมถึงการได้รู้จักคุ้นเคยกับน้องๆ นักฟุตบอลที่จะเป็นกำลังสำคัญของทีมชาติไทยในอนาคต การได้พบปะสังสรรค์พูดคุยกับพี่ๆน้องๆ นักข่าวก็เป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การจดจำ และเมื่อเวลานั้นมาถึงทุกคนก็แยกย้ายกันไปเหมือนกับก่อนที่เราจะมาพบกัน นี่คือโชคชะตา

ผมขอส่งความปรารถนาดีและความระลึกถึงทุกคนไว้ ณ ที่นี้ด้วย
ขอจบบันทึก AFF U-16 Championship 2015 ที่กว่าจะเขียนตอนจบก็ต้องรอถึงสองปีไว้เพียงเท่านี้
ได้เวลามองหาโอกาสใหม่และขอให้โชคชะตานำพาผมไปสู่ประสบการณ์ที่น่าจดจำแบบนี้อีกครั้ง
ผมเอง
9 สิงหาคม 2560













ตอนที่ 5 ชนะเหมือนได้แชมป์

7 สิงหาคม 2558 การแพ้ลาว 0-1 ในนัดเปิดสนาม นอกจากจะช่วยให้ทีมงานบริหารมีชื่อเสียงโด่งดังชั่วข้ามคืนในพันทิปแล้ว ยังทำให้ทีมชาติไทยต้องมาพบกับออสเตรเลียในรอบรองชนะเลิศอีกด้วย แม้เราจะชนะสี่นัดที่เหลือในรอบแรก ก็เป็นที่สองของสาย ส่วนลาวได้อันดับหนึ่งของสายไปพบกับพม่า
ดูตามมาตรฐานฟุตบอล เราเป็นรองออสเตรเลีย แต่ผมก็แอบหวังลึกๆ เพราะเห็นว่าถ้าเราชนะได้ก็น่าจะถึงแชมป์
ผมกับโค้ชสันติเป็นตัวแทนไปประชุมกับฝ่ายจัดการแข่งขัน โค้ชพยงค์เลือกชุดแข่งขันสีแดง เป็นการถือเคล็ดเล็กน้อย แต่สีชุดแข่งก็มีประเด็นในตอนที่เราเข้าชิงไปเจอพม่าซึ่งจะพูดถึงตอนท้าย
จุดสำคัญที่เราทำได้ดีในเกมการแข่งขันคือ เกมรับแน่น กองหน้าคม โต้กลับเป็นประตู และยิงประตูทิ้งห่างได้ถึงสามลูก แม้ตอนท้ายจะเสียจุดโทษ เด็กร้องไห้เป็นข่าวดัง แต่เราก็ผ่านออสเตรเลียมาจนได้
สารภาพตามตรงผมดีใจพอๆกับได้แชมป์ หลังจากกลับเข้าห้องพักนักกีฬาแล้ว ผมรีบไปแจ้งฝ่ายจัดว่าจะขอใส่ชุดแข่งขันสีแดงในนัดชิง แต่ก็ช้าไปเพราะทีมชาติพม่าที่แข่งจบไปก่อนหน้าเรา เลือกไปก่อนซะแล้ว ผมรู้สึกแค้นใจขึ้นมาทันที เจอกันนัดชิงละกัน...