29 พฤศจิกายน 2556

เสรีนิยมกับบัวสามเหล่าสี่เหล่า

ยอมรับตามตรงว่าโดยส่วนตัวผมเป็นคนที่หงุดหงิดง่ายและมักจะอารมณ์เสียกับการกระทำที่ไม่ถูกต้องของคนรอบข้าง (ตามความคิดเห็นของผม) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ !! เช่น การใช้รถใช้ถนน การปฏิบัติตัวในที่สาธารณะ ฯลฯ ซึ่งผมมีความรู้สึกว่าสังคมทุกวันนี้ช่างแย่เหลือเกินเพราะมีคนที่เห็นแก่ตัวไม่คำนึงถึงส่วนรวม แล้วก็พาลสงสัยต่อไปว่าทำไมคนเหล่านั้นถึงไม่เข้าใจบ้างเลยว่า อะไรถูก อะไรผิด อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ ไม่มีใครบอกหรือพวกเขาไม่เรียนรู้ จนบางครั้งผมอยากให้ทุกคนมีความคิดและทำอะไรให้เข้ารูปเข้ารอยเป็นแบบเดียวกันหมด

ในขณะเดียวกันอีกอารมณ์หนึ่ง ผมก็พยายามที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่เรียกกันว่าเสรีนิยม (Liberalism) ซึ่งเสรีภาพเป็นเรื่องสำคัญ ทำนองว่าโลกเราจะน่าอยู่ถ้ามีความแตกต่างหลากหลาย มีสีสันไม่ใช่มีแค่เพียงสีดำสีขาวแล้วทำอะไรคิดอะไรตามที่สังคมความคาดหวังซึ่งมันแคบเกินไป

  
เพื่อเป็นการสงบจิตสงบใจเวลามีเหตุการณ์มากระทบ ผมจึงอาศัยคำสอนของพุทธศาสนามาช่วยข่มใจให้คลายทุกข์ ด้วยความคิดของคนรู้น้อยว่า พระพุทธเจ้ายังทรงเห็นว่าคนในโลกนี้มีหลายจำพวกเปรียบได้กับบัวสี่เหล่า แล้วผมจะไปปฏิเสธความเป็นจริงของโลกในเรื่องนี้ได้อย่างไร

เมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ พระองค์ทรงเห็นในเบื้องต้นว่าพระธรรมที่ค้นพบนั้นเป็นเรื่องละเอียดไม่ใช่เรื่องง่ายที่คนทั่วไปจะเข้าใจและปฏิบัติได้ แต่เมื่อพระองค์ทรงพิจารณาอย่างลึกซึ้งแล้วก็ทรงพบว่าบุคคลในโลกนี้มีหลายจำพวก สอนให้รู้ได้ง่ายก็มี สอนให้รู้ได้ยากก็มี ผมก็พยามยามคิดตามว่าโลกนี้ช่างหลากหลายสีสัน มีทั้งสอนได้ สอนยากสอนเย็น และสอนไม่ได้ ดังนั้นพระพุทธองค์จึงทรงเปรียบคนกับดอกบัวหลายประเภท ซึ่งเรารู้จักกันว่าคือบัวสี่เหล่า

มีความสับสนเรื่องดอกบัวนี้อยู่บ้าง คือ ในพระไตรปิฏกพระพุทธเจ้าทรงเปรียบบุคคลด้วยบัวสามเหล่า ได้แก่ จมอยู่ในน้ำ ตั้งอยู่เสมอน้ำ และตั้งขึ้นพ้นน้ำ ส่วนคัมภีร์ในชั้นหลังอธิบายบุคคลในปุคคลวรรคที่เปรียบบุคคลเป็นสี่เหล่า โดยเพิ่มเหล่าที่สี่เปรียบเสมือนดอกบัวที่จมอยู่กับโคลนตม คือ อยู่ใต้ตม ซึ่งถ้าใครโดนด่าว่าเป็นพวกบัวใต้ตมนี่ก็แย่พอสมควร จึงเกิดความสับสนในการนำข้อความจากสองแหล่งมากล่าวอ้าง สรุปคือพระพุทธองค์ตรัสเปรียบเทียบบุคคลเหมือนดอกบัวเพียงสามเหล่าเท่านั้นตามข้อความในพระไตรปิฏก



อย่างไรก็ดีเมื่อพิจารณาตามนัยยะของดอกบัวแล้วก็จะพบว่าพระพุทธองค์พิจารณาแล้วว่ามนุษย์อย่างพวกเราสามารถเรียนรู้พระธรรมคำสั่งสอนและมีโอกาสที่จะบรรลุธรรมและหลุดพ้นจากทุกข์ได้ พูดให้ง่ายเข้าคือ ทุกคนมีโอกาสเป็นคนดีได้ ดังนั้นก็อย่าเพิ่งหมดหวังกับเพื่อนมนุษย์นะครับ